ชวน หลีกภัย เริ่มศึกษาระดับประถมที่โรงเรียนวัดควนวิเศษ จังหวัดตรัง, มัธยมศึกษาที่โรงเรียนมัธยมวัดควนวิเศษ และโรงเรียนตรังวิทยา ต่อมาได้ศึกษาต่อทางด้านศิลปะ ที่โรงเรียนศิลปศึกษา แผนกจิตรกรรมและประติมากรรม เตรียมมหาวิทยาลัยศิลปากร (วิทยาลัยช่างศิลป ในปัจจุบัน) จนเมื่อพ.ศ. 2505-07 นิติศาสตร์บัณฑิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ผมเคยฝึกฝนงานศิลปะมาตั้งแต่เรียนเตรียมมหาวิทยาลัยศิลปากร จึงมีพื้นฐานความรักและชอบศิลปะอยู่ อย่างน้อยก็ชอบดูผลงานศิลปะต่างๆ อาชีพและงานที่ทำมาโดยตลอดของผมไม่ได้เกี่ยวข้องกับงานศิลปะ จึงไม่ได้ทำงานด้านนี้เลย ที่ยังขีดๆ เขียนๆ อยู่บ้างก็โดยความชอบและมีอารมณ์อยากจะเขียนและมีความสุขเมื่อได้เขียนภาพ ดังนั้น แม้เมื่อเป็นทนายความก็ชอบสเก็ตช์หน้าพยานหรือคู่คดีเป็นความสนุกมือและช่วยให้จดจำเหตุการณ์และบุคคลได้มากขึ้น โดยที่ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อจะสร้างผลงานหรือสะสมผลงาน แต่เขียนเพื่อความพอใจ จึงไม่ได้รวบรวมงานไว้เลย ส่วนใหญ่จะติดอยู่ในกระดาษที่หยิบฉวยได้ เช่น ในสำนวนคดี ในเอกสาร วาระการประชุมในเวลามีการประชุมหรือมีการสัมมนา
โดยสภาพอาชีพและงานที่ทำ ยากที่จะหาเวลาเป็นตัวของตัวเองได้มากพอที่จะนั่งทำงานศิลปะ จึงใช้เวลาสั้นๆ ทีมีอยู่เขียน แม้ในเวลาปฏิบัติภารกิจก็ทำได้บ้าง เช่น ไปงานบุญ ขณะที่พระสงฆ์สวดอยู่ ถ้ามีกระดาษ มีปากกา ก็จะเสก็ตช์ภาพผู้คนในงานบ้าง รวมไปถึงพระคุณเจ้าที่กำลังสวดอยู่ หรือเวลาเข้าไปเยี่ยมชาวบ้านในหมู่บ้าน ขอเขียนรูปผู้คนในหมู่บ้าน ด้วยเวลาที่จำกัดดังกล่าว เมื่ออยากจะเขียนก็จะเขียนได้ แม้อยู่ในลิฟท์ ช่วงเวลาที่ลิฟท์ขึ้นลง ก็สามารถสเก็ตช์บุคลิก ท่าทางคนในลิฟท์ได้ โดยเฉพาะคนในลิฟท์ เวลาที่ใช้สเก็ตช์ภาพจึงใช้เวลาเพียงครึ่งนาทีหรือหนึ่งนาทีเท่านั้น รูปที่เขียนจึงเสร็จสมบูรณ์เท่าที่มีเวลาอยู่ตอนเขียนเท่านั้น ภาพสเก็ตช์ส่วนใหญ่จึงไม่ได้ลงรายละเอียด ไม่ได้นำมาตกแต่งเพิ่มเติมใหม่ ยกเว้นบางรูปมีเวลาให้เขียนมากก็สามารถลงรายละเอียดได้มาก
ที่ใช้ปากกาก็เพื่อความสะดวกและรวดเร็ว ไม่มีเวลามาร่างหรือเตรียมการใด ๆ เมื่ออยากเขียนก็ลงมือเลย ไม่ต้องมาขูดลบหรือแก้ไขใดๆ อีก ความจริงรักภาพสีน้ำมันแต่ไม่มีเวลาฝึกฝน ภาพสเก็ตช์ส่วนใหญ่จะเป็นหน้าคน ที่เขียนหน้าคนเพราะหน้าคนแต่ละคนมีความน่าสนใจแตกต่างกัน ยิ่งคนแต่ละภาคจะมีบุคลิกลักษณะที่น่าสนใจแตกต่างกันไป จะขี้ริ้วขี้เหร่อย่างไร แต่ในสายตาของผมก็ว่าน่าสนใจ น่าเขียน น่าสเก็ตช์เพราะเห็นว่าเป็นความงามในอีกลักษณะหนึ่ง ทิวทัศน์ก็ชอบเขียน โดยเฉพาะชอบเขียนต้นไม้ภาคอีสานที่มีลักษณะรูปทรงแปลกๆ เห็นคุณค่าของงานศิลปะ จึงได้จัดให้มีการยกย่องศิลปินแห่งชาติขึ้น เมื่อสมัยเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และต้องการให้มีหอศิลป์หรือที่รวบรวมงานศิลปะไม่ว่าแบบไทยหรือสากล ที่กระจัดกระจายอยู่ในสถาบันการศึกษา…”
ข้อมูลจาก : สูจิบัตรนิทรรศการศิลปกรรมของ นายชวน หลีกภัย เนื่องในวาระพิเศษทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานปริญญาดุษฏีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาจิตรกรรม โดยคณะจิตรกรรมประติมากรรมและภาพพิมพ์ มหาวิทยาลัยศิลปากร